กรณีธรรมกาย จริงหรือไม่ !!! ที่...วัดพระธรรมกายเป็นพุทธพาณิชย์ ???

 คำถาม : จริงหรือไม่ !!! ที่...วัดพระธรรมกายเป็นพุทธพาณิชย์  

   ชอบสอนคนให้ทำบุญเพราะอยากรวยซึ่งมันเป็นกิเลสไม่ใช่การทำบุญ   ชอบหลอกขายบุญเอาศาสนาบังหน้าเพื่อหากิน   ชอบเอานรกมาขู่ เอาสวรรค์มาล่อ เพื่อหลอกให้คนทำบุญเยอะๆ   ถือเป็นการบิดเบือนคำสอนเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ???



    คำตอบ : จากหลากหลายข้อกล่าวหาที่มีคนบางกลุ่ม (โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีอคติกับวัดพระธรรมกาย)   พยายามตีประเด็นเพื่อบิดเบือนใส่ร้ายในเรื่องการทำบุญของทางวัด   ไม่ว่าจะเป็น...วัดพระธรรมกายเป็นพุทธพาณิชย์   ชอบหลอกขายบุญ   ชอบสอนคนให้ทำบุญเพราะอยากรวยซึ่งมันเป็นกิเลสไม่ใช่การทำบุญ   ชอบเอาศาสนาบังหน้าเพื่อหากิน   ชอบเอานรกมาขู่เอาสวรรค์มาล่อเพื่อหลอกให้คนทำบุญเยอะๆ   ถือเป็นการบิดเบือนคำสอนเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง   และอีกสารพัดข้อกล่าวหาที่คนกลุ่มนี้จะคิดได้   

   ถามว่า...ในความเป็นจริง!!! วัดพระธรรมกายสอนผิดบิดเบือน   หรือเป็นอย่างที่มีคนกลุ่มนี้กล่าวหาจริงๆ หรือไม่???   ถ้าใครอยากรู้คำตอบที่แท้จริง!!!   โปรดทำใจเป็นกลางๆ แล้วลองอ่านข้อมูลที่กำลังจะบอกกล่าวต่อไปนี้กันดู

    ก่อนอื่นต้องขอปฏิเสธว่า…ข้อกล่าวหาทั้งหลายทั้งมวลนี้!!!   วัดพระธรรมกายไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาเลยแม้แต่น้อย   จริงอยู่ที่ทางวัดมีโปรเจคท์งานบุญอยู่อย่างต่อเนื่อง   เหตุก็เป็นเพราะว่า...ทางวัดจำเป็นต้องใช้เงินเพื่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก   อีกทั้งยังต้องใช้เงินเพื่อการก่อสร้างศาสนสถานสำหรับรองรับสาธุชนที่มาแสวงบุญที่วัด   ซึ่งนับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกที    

    ด้วยเหตุนี้...การระดมทุนเพื่อนำเงินมาใช้ในงานเผยแผ่พระศาสนาจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้   เพราะทุกอย่างบนโลกล้วนมีค่าใช้จ่ายไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ   และในจุดนี้เอง!!! จึงถูกคนบางกลุ่ม (โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่เคยมาที่วัดแถมยังมีอคติกับทางวัด)   ตีประเด็นเพื่อให้คนมองว่าวัดพระธรรมกายเป็นพุทธพาณิชย์   ซ้ำร้ายบางคนยังตีประเด็นเรื่องการระดมทุนของทางวัดด้วยใจอคติแบบดิ่งเหว

   ว่า...เป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากความศรัทธาของสาธุชน   เอาศาสนาบังหน้าเพื่อหากิน   ซึ่งจากข้อกล่าวหาที่กล่าวมา   ถ้าใครเข้ามาแสวงบุญที่วัดเป็นประจำ   ก็จะรู้ว่าวัดพระธรรมกายเป็นวัดเผยแผ่เชิงรุกที่เน้นการปฏิบัติธรรม  งานระดมทุนใดๆ ก็เป็นไปเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งสิ้น

ที่สำคัญ...ถึงแม้ทางวัดจะมีวลีชักชวนคนที่มาทำบุญว่า... “ปิดบัญชีทางโลกเพื่อเปิดบัญชีทางธรรม”   

    แต่ทางวัดก็เน้นย้ำสาธุชนที่มาทำบุญที่วัดอยู่ตลอดว่า... “ให้สาธุชนทุกคนดำเนินรอยตามการสร้างมหาทานบารมีของพระบรมโพธิสัตว์ รวมถึงเหล่าบัณฑิตในกาลก่อน   คือให้ทำบุญอย่างถูกหลักวิชชา (ซึ่งก็คือทำบุญตามหลักทานสมบัติ 3) เพราะเงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์ไม่ใช่หากันได้ง่ายๆ   ทำแล้วต้องเกิดความปลื้มปีติใจ  ทำแล้วจิตต้องผ่องใส   ทำแล้วต้องไม่เกิดความเดือดร้อนหรือทำให้เกิดความทุกข์ใจทั้งต่อตัวเองและคนในครอบครัว   ให้ทำเต็มกำลังเท่าที่ตัวเองสามารถจะทำได้   ไม่ต้องถึงขนาดไปกู้หนี้ยืมสินมาทำบุญ   ถ้าใครมีกำลังทรัพย์ไม่พอ!!! แต่มีความปรารถนาอยากจะทำบุญมากกว่าทรัพย์ที่ตัวเองมี   ก็ให้ใช้กำลังกายและกำลังใจของเราไปประกอบเหตุสร้างบุญด้วยการออกไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร    ชักชวนหมู่ญาติและคนที่เรารู้จักให้มาร่วมบุญสร้างทานบารมีร่วมกันกับเรา”

   จากที่กล่าวมาข้างต้น   นี่คือหลักการทำบุญที่วัดพระธรรมกายแนะนำสาธุชนมาโดยตลอด   แต่คนทั่วไปที่ไม่เคยมาวัดอาจไม่เคยได้ยิน   เพราะโดยปกติกลุ่มคนที่มีอคติกับวัดพระธรรมกายมักจะตัดตอนข้อมูลที่เป็นหลักคำสอนสำคัญเหล่านี้ทิ้งไป   จะเหลือก็แต่ประโยคหากินที่ว่า “ยิ่งบริจาคมาก ยิ่งได้บุญมาก” ถึงแม้บางคนจะรู้ทั้งรู้!!! แต่ก็มิวายที่จะนำมาบิดประเด็นให้คนเข้าใจแนวทางการทำบุญของวัดพระธรรมกายแบบผิดๆ

   หรือในส่วนของคำว่า “รวย” ที่กลุ่มคนที่มีอคติหรือพวกไม่รู้จริงชอบเอามาตีประเด็น  จริงๆ มันก็แค่คำที่มีความหมายดีๆ คำหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้กับสาธุชนที่อุตส่าห์เสียสละทรัพย์มาร่วมบุญกับทางวัด   

    ยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้   เงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์ไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ   ดังนั้น...คำพูดที่ช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้คนอยากทำความดี   หรือคำอวยพร (เช่น. พระให้พรโยมว่า...ขอให้รวย   เป็นต้น.)   จึงถือเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้กับคนที่เขาอยากสร้างทานบารมี   ถามว่า...ถ้าไม่ใช้คำว่า “ทำบุญแล้วรวย”  จะให้ใช้คำว่า “ทำบุญแล้วจน” หรือ “ทำบุญแล้วไม่ได้อะไรเลย!!!” อย่างนั้นหรือ ???

    และที่สำคัญ...คำว่า “รวย” ในที่นี้   ทางวัดมุ่งเน้นให้เป็นไปเพื่อการสั่งสมบุญสร้างบารมี   ไม่ได้มุ่งเน้นให้ทำบุญด้วยจิตที่หวังผลให้รวยแบบเจือกิเลสทางโลกเหมือนอย่างที่คนที่มีอคติกับวัดพระธรรมกาย   หรือคนที่ไม่รู้จริงแต่พยายามอวดรู้ชอบนำมาตีประเด็น
   
   เพราะฉะนั้น...คำว่า “รวย” ของทางวัด   จึงไม่ใช่การเพิ่มกิเลสให้คนที่มาทำบุญเกิดความโลภ   แต่เป็นการตั้งผังชีวิตด้วยผลแห่งทานบารมีที่แต่ละคนสั่งสมเอาไว้ เพราะถ้าเราตั้งใจทำทานอย่างถูกหลักวิชชาจนบุญได้ช่องส่งผลให้เราเป็นผู้ที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย (เหมือนอย่างเรื่องราวของมหาทุคตะ)   ก็จะทำให้เส้นทางการสร้างบารมีของเราทั้งในภพชาตินี้และภพชาติต่อๆ ไปสะดวกสบายและง่ายดายยิ่งขึ้น

   มาถึงตรงนี้!!! หลายคนคงแปลกใจและรู้สึกสงสัยว่า...ท่ามกลางกระแสโจมตีเกี่ยวกับเรื่องการทำบุญของวัดพระธรรมกาย   แต่ทำไม!!! คนที่เข้าวัดพระธรรมกาย (ซึ่งมีอยู่ทุกระดับชั้น)    ถึงไม่รู้สึกหวั่นไหวและยังคงร่วมกันบริจาคทรัพย์เพื่อร่วมบุญกับทางวัดกันเป็นจำนวนมาก   

   สาเหตุที่แท้จริงนั้น!!! ไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาถูกล้างสมอง  ถูกหลอก  หรือคิดเพียงแค่ว่า “บริจาคมากแล้วจะได้บุญมากๆ” แต่อย่างใด   แท้ที่จริงแล้วเป็นเพราะว่า…สาธุชนทุกคนถูกปลูกฝังให้รักในการสร้างบารมีและหวงแหนพระพุทธศาสนายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด 

   ดังนั้น...อะไรก็ตามที่เป็นไปเพื่อการสั่งสมบุญสร้างบารมีและเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา   พวกเขาจะทุ่มเททำกันอย่างเต็มที่ชนิดที่เรียกว่า “เอาชีวิตเป็นเดิมพัน” กันเลยทีเดียว     

   นอกจากนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่า...วัดเอาเงินที่พวกเขาบริจาคไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้แก่สังคม ประเทศชาติและพระพุทธศาสนาอย่างมากมาย   พวกเขาจึงยิ่งเต็มใจและรู้สึกปลื้มปีติใจที่ได้มีส่วนในการบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ของทางวัด   

    ดังนั้น...เวลาที่วัดมีโครงการใดๆ ขึ้นมาก็ตาม (เช่น...โครงการอุปสมบทหมู่ 1 แสนรูปทุกหมู่บ้านทั่วไทย , โครงการตักบาตรพระ 2 ล้านรูปทั่วไทย  เป็นต้น)  รวมถึงมีการก่อสร้างศาสนสถานเพื่อใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและฟื้นฟูศีลธรรมให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้   สาธุชนเหล่านี้ก็จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เต็มกำลัง 

   แล้วเมื่อพวกเขานำเงินที่หามาได้ด้วยความยากลำบากจากอาชีพที่สุจริต (ซึ่งเป็นวัตถุบริสุทธิ์)  มาทำบุญด้วยเจตนาบริสุทธิ์  คือ สละความตระหนี่ออกจากใจ   สละทรัพย์เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา...ด้วยความเต็มใจ ตั้งใจ และปลื้มปีติใจ   

   อีกทั้ง...ผู้รับก็มีศีลบริสุทธิ์และตัวพวกเขาเองก็ตั้งใจรักษาศีล 5 ศีล 8 ให้บริสุทธิ์ (ซึ่งก็คือ...บุคคลบริสุทธิ์ทั้งผู้ให้และผู้รับ)   จึงถือเป็นการทำบุญครบองค์ประกอบแห่งทานสมบัติทั้ง 3 ประการ   

   อานิสงส์หรือผลบุญที่จะได้รับจึงมีกำลังมาก   เมื่อบุญได้ช่องส่งผลจนทำให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น   พวกเขาจึงยิ่งเชื่อมั่นและรู้สึกศรัทธาในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและรักในการทำทานมากยิ่งขึ้น   แต่อย่างไรก็ตาม!!! วัดพระธรรมกายมิได้สอนหรือเน้นแค่เรื่องการทำทานแต่เพียงอย่างเดียว   การรักษาศีลและเจริญภาวนาในหลัก “บุญกิริยาวัตถุ 3”   วัดพระธรรมกายก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน 

   ดังนั้น...เมื่อที่สุดแห่งเป้าหมายคือพระนิพพานซึ่งยังต้องเดินทางกันอีกยาวไกล คนที่เป็นลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายจึงมุ่งมั่นและตั้งใจสั่งสมบุญทุกบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลัง   เพื่อจะได้เก็บเกี่ยวผลบุญเหล่านี้เป็นเสบียงบุญติดตัวไปสร้างบารมีข้ามภพข้ามชาติจนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน   

ใครก็ตามที่อ่านมาถึงตรงนี้คงจะเห็นแล้วว่า...คำสอนเรื่องการทำทานของวัดพระธรรมกายล้วนเดินตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสิ้น   ไม่ได้คิดขึ้นมาเองหรือบิดเบือนคำสอนเพื่อหลอกให้คนมาทำบุญอย่างที่กลุ่มคนที่มีอคติกับวัดพระธรรมกายกล่าวหา

   สุดท้ายนี้ก่อนจาก!!! ขอถามกลุ่มคนที่มีอคติกับวัดพระธรรมกายกลับสักหน่อยว่า “บริจาคมากทำไมต้องมีปัญหาด้วย”

อันที่จริงใครเขาจะบริจาคมาก บริจาคน้อย ก็เงินของเขา  เขาหามาได้เขาก็มีสิทธิ์ใช้โดยชอบธรรมมิใช่หรือ ??? 

   แปลกนะ!!! มีคนตั้งมากมายเอาเงินไปถลุงกับอบายมุข  (เช่น...เอาเงินไปซื้อเหล้า , เอาเงินไปเล่นการพนัน  เป็นต้น)  ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นบ่อเกิดของปัญหาครอบครัว  ไล่เรื่อยไปจนถึงปัญหาระดับสังคม  และประเทศชาติบ้านเมือง   แต่กลับไม่เห็นจะมีใครออกมาต่อต้านอะไรเลย   

   แล้วทำไมคนที่ทุ่มเทสร้างบุญสร้างกุศล  ทำความดีเพื่อส่วนรวม  สละปัจจัยส่วนตัวมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา  สร้างคนดีให้เกิดขึ้นในสังคม กลับเป็นประเด็นให้คนบางกลุ่มตั้งคำถาม  พาให้คนในสังคมเกิดความสงสัยและออกมาต่อต้านในการทำความดีของคนที่เข้าวัดซะงั้น !!

  ไม่คิดไม่แปลก  แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งแปลก!!!   ทำไมไม่ลองเปิดใจยอมรับการทำความดีของคนอื่นดูบ้าง  ถึงแม้แนวทางอาจจะไม่ใช่ในแบบที่เราคุ้นเคยก็ตาม  แต่ถ้าเรายอมรับในความต่างนั้นสักนิด  ไม่มัวแต่จับผิดหรือมองกันในแง่ร้ายและไม่โจมตีว่าร้ายกัน  สังคมจะสงบสุขขึ้นกว่านี้อีกเยอะเลย       

กรณีธรรมกาย จริงหรือไม่ !!! ที่...วัดพระธรรมกายเป็นพุทธพาณิชย์ ??? กรณีธรรมกาย จริงหรือไม่ !!! ที่...วัดพระธรรมกายเป็นพุทธพาณิชย์ ??? Reviewed by Unknown on 04:19 Rating: 5

3 ความคิดเห็น:

  1. ทานเป็นเบื้องต้นของการทำความดีทั้งปวง

    ตอบลบ
  2. หนึ่งในคำสอนของพระพุทธองค์คือ อสนฺตุฏฐิตา กุสเลสุ ธมฺเมสุ "ความไม่สันโดษในกุศลธรรม" หมายความว่า แม้พระพุทธองค์จะทรงสอนเรื่องความสันโดษ แต่ถ้าเรื่องบุญละก็ทรงสอนให้เต็มที่ ทุกบุญกิริยาด้วย ไม่ใช่เฉพาะทาน

    ยิ่งกว่านั้น ยังตรัสว่า พาลา หเว นปฺปสํสนฺติ ทานํ แปลว่า "คนพาลเท่านั้นย่อมไม่สรรเสริญการให้"

    ตอบลบ
  3. ทาน...ก้าวแรกแห่งการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นการสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนา ไม่เฉพาะวัดพระธรรมกาย การระดมทุนของวัดเป็นความจำเป็น เป็นประโยชน์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ใครทำใครได้ เป็นปกติของโลกที่มีคนที่ไม่เข้าใจ และคนที่ไม่พยายามจะเข้าใจ ขอให้อดทนทำความดีเรื่อยไปครับ

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.